ตรวจเช็คสภาพบ้านมือสองด้วยตัวเอง: 10 จุดสำคัญที่ห้ามมองข้าม (คู่มือฉบับสมบูรณ์)

การตัดสินใจ ซื้อบ้านมือสอง เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะได้ทำเลที่ถูกใจ, ได้บ้านที่พร้อมเข้าอยู่ทันที, หรือได้ราคาที่ประหยัดกว่าบ้านใหม่แกะกล่อง อย่างไรก็ตาม การซื้อบ้านมือสองก็เปรียบเสมือนการซื้อของที่มีประวัติการใช้งานมาก่อน หากไม่ตรวจเช็คให้ละเอียดถี่ถ้วน คุณอาจต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่ซ่อนอยู่ เช่น โครงสร้างทรุด, รอยร้าว, หรือระบบน้ำไฟมีปัญหา ซึ่งอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงกว่าราคาบ้านเสียอีก

ในฐานะ Chiang Mai Home Guide (เชียงใหม่โฮมไกด์) เราเข้าใจความกังวลของคุณเป็นอย่างดี เราจึงได้รวบรวม 10 จุดสำคัญที่ต้องตรวจเช็คสภาพบ้านมือสองด้วยตัวเอง มาให้คุณแล้ว เพื่อให้คุณสามารถประเมินสภาพบ้านเบื้องต้นได้อย่างแม่นยำและมั่นใจก่อนตัดสินใจลงทุน


ก่อนอื่น…เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม!

ก่อนเริ่มการตรวจเช็ค คุณควรเตรียมอุปกรณ์พื้นฐานเหล่านี้ติดตัวไปด้วย:

  • ไฟฉาย: สำหรับส่องดูในที่มืดและที่อับชื้น
  • สมุดโน้ตและปากกา: สำหรับจดบันทึกปัญหาและจุดที่น่าสงสัย
  • กล้องถ่ายรูป: ถ่ายภาพจุดที่มีปัญหาเพื่อนำมาวิเคราะห์ภายหลัง
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์: สำหรับทดสอบปลั๊กไฟ
  • ลูกปิงปอง: สำหรับทดสอบความลาดเอียงของพื้น (ใช้กลิ้งไปบนพื้น)

เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว ก็ไปลุยกันเลย!

1. โครงสร้างหลักและรอยร้าว

นี่คือหัวใจสำคัญของการตรวจบ้าน ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะหากโครงสร้างมีปัญหา การซ่อมแซมจะใช้เงินมหาศาล

  • รอยร้าวที่ผนัง: สังเกตรอยร้าวบนผนังทั้งภายนอกและภายใน
    • รอยร้าวแนวตั้ง (แนวดิ่ง): มักเกิดจากการฉาบปูนที่หดตัว สามารถซ่อมแซมได้ไม่ยาก
    • รอยร้าวแนวเฉียง/กว้าง: รอยร้าวที่น่ากังวลที่สุด คือรอยร้าวที่กว้างเกินกว่า 1-2 มิลลิเมตร หรือเป็นรอยร้าวแนวเฉียงที่ต่อเนื่องจากขอบวงกบประตู-หน้าต่าง หรือบริเวณมุมเสา ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาการทรุดตัวของโครงสร้าง
  • รอยร้าวที่พื้น: สังเกตรอยแตกร้าวบนพื้นคอนกรีต หรือรอยแยกของพื้นกับผนัง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการทรุดตัวที่ไม่เท่ากัน
  • คานและเสา: ลองเดินสำรวจรอบๆ ตัวบ้านและดูสภาพคานและเสาว่ามีรอยร้าวขนาดใหญ่หรือไม่

2. หลังคาและเพดาน

หลังคาเป็นส่วนที่ปกป้องบ้านจากฝนและความชื้น หากมีปัญหารั่วซึม จะส่งผลกระทบต่อทั้งโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ภายใน

  • รอยรั่วซึมที่ฝ้าเพดาน: สังเกตรอยคราบน้ำสีเหลือง, รอยด่าง, หรือรอยเชื้อราบนฝ้าเพดาน โดยเฉพาะในห้องน้ำและบริเวณที่อยู่ใต้ห้องน้ำชั้นบน
  • สภาพกระเบื้องหลังคา: หากสามารถมองเห็นหลังคาได้ ให้สังเกตว่ามีกระเบื้องหลังคาที่แตก, ร้าว, หรือหลุดร่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการรั่วซึม
  • ระบบรางน้ำฝน: ตรวจสอบว่ารางน้ำฝนไม่อุดตันและอยู่ในสภาพดี สามารถระบายน้ำได้สะดวก

3. ระบบไฟฟ้าและปลั๊กไฟ

ระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องของความปลอดภัย ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด

  • ตู้ควบคุมไฟฟ้า (ตู้ MDB): ตรวจสอบว่าตู้ควบคุมอยู่ในสภาพสมบูรณ์และสายไฟไม่เก่าจนเกินไป สังเกตว่ามีกลิ่นไหม้หรือร่องรอยการช็อตหรือไม่
  • สวิตช์ไฟและปลั๊กไฟ: ลองเปิด-ปิดสวิตช์ไฟทุกจุด และลองเสียบที่ชาร์จโทรศัพท์เพื่อทดสอบปลั๊กไฟทุกเต้ารับว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่
  • ไฟติดๆ ดับๆ: หากพบปัญหานี้ อาจบ่งชี้ถึงปัญหาในระบบเดินสายไฟ

4. ระบบประปาและท่อน้ำทิ้ง

  • แรงดันน้ำ: เปิดก๊อกน้ำทุกจุดพร้อมๆ กัน เพื่อทดสอบแรงดันน้ำว่าแรงเพียงพอหรือไม่
  • การรั่วซึม: สังเกตรอยรั่วซึมที่ผนัง, ใต้อ่างล้างหน้า, หรือใต้พื้นห้องน้ำ
  • การระบายน้ำ: เปิดน้ำทิ้งในอ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ, และพื้นห้องน้ำ เพื่อดูว่าน้ำระบายได้ดีหรือไม่
  • ถังเก็บน้ำและปั๊มน้ำ: ตรวจสอบสภาพถังเก็บน้ำและปั๊มน้ำว่ายังใช้งานได้ดีหรือไม่

5. ประตูและหน้าต่าง

  • การเปิด-ปิด: ลองเปิด-ปิดประตูและหน้าต่างทุกบานว่าสามารถใช้งานได้สะดวกหรือไม่ ไม่มีอาการฝืดหรือติดขัด
  • กลอนและกุญแจ: ลองล็อกและไขกุญแจทุกจุดว่าใช้งานได้ปกติ
  • วงกบ: ตรวจสอบวงกบไม้ว่ามีร่องรอยปลวก, ผุ, หรือบวมน้ำหรือไม่

6. พื้นบ้าน

  • ความลาดเอียง: ใช้ลูกปิงปองวางบนพื้นเพื่อดูว่าพื้นมีความลาดเอียงหรือไม่ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการทรุดตัวของบ้าน
  • ร่องรอยความเสียหาย: ตรวจสอบรอยแตกร้าว, รอยขูดขีด, หรือรอยน้ำท่วมบนพื้น
  • ปลวก: หากเป็นพื้นไม้ ให้สังเกตรอยคราบดิน, รอยทางเดินของปลวก, หรือการบวมน้ำของไม้

7. ห้องน้ำและสุขภัณฑ์

  • สุขภัณฑ์: ตรวจสอบสภาพสุขภัณฑ์ต่างๆ (ชักโครก, อ่างล้างหน้า, ฝักบัว) ว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่
  • รอยรั่วซึม: สังเกตรอยรั่วซึมที่ใต้ชักโครก หรือบริเวณฐานของอ่างอาบน้ำ
  • การระบายอากาศ: ห้องน้ำมีระบบระบายอากาศที่ดีหรือไม่ เพราะความชื้นที่สะสมอาจทำให้เกิดเชื้อราได้

8. ภายนอกบ้าน (รั้ว, กำแพง, ถนน)

  • รั้วและกำแพง: สังเกตรอยร้าวหรือการทรุดตัวของรั้วและกำแพง
  • สนามหญ้าและต้นไม้: ดูว่ามีการดูแลรักษาที่ดีหรือไม่
  • ถนนในโครงการ: หากอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ให้ดูว่าถนนมีสภาพดีหรือไม่

9. กลิ่นไม่พึงประสงค์และความชื้น

  • กลิ่นอับ: สังเกตว่ามีกลิ่นอับชื้นที่บ่งบอกถึงการรั่วซึมหรือเชื้อราหรือไม่
  • กลิ่นท่อน้ำทิ้ง: มีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากท่อน้ำทิ้งหรือไม่ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาการระบายน้ำเสีย

10. เอกสารสิทธิ์และข้อกฎหมาย

นี่ไม่ใช่การตรวจเช็คสภาพทางกายภาพ แต่สำคัญไม่แพ้กัน!

  • โฉนดที่ดิน: ตรวจสอบชื่อเจ้าของ, ขนาดที่ดิน, และภาระผูกพัน (เช่น ติดจำนอง)
  • การดัดแปลงต่อเติม: สอบถามว่ามีการต่อเติมบ้านหรือไม่ และได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานราชการหรือไม่
  • ค่าส่วนกลาง: หากเป็นบ้านในหมู่บ้านจัดสรร ให้สอบถามว่ามีการค้างชำระค่าส่วนกลางหรือไม่

 

บทสรุป: ความรอบคอบคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด

การตรวจเช็คสภาพบ้านมือสองด้วยตัวเองเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจซื้อบ้าน หากคุณไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ การจ้าง บริษัทรับตรวจบ้าน หรือ วิศวกร มืออาชีพมาช่วยตรวจสอบก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า เพราะความเสียหายเล็กๆ ที่คุณมองข้ามไป อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียเงินซ่อมแซมหลักแสนหรือหลักล้านได้

เชียงใหม่โฮมไกด์ หวังว่าคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อ บ้านมือสองในเชียงใหม่ ได้อย่างมั่นใจและมีความสุขครับ!

 

TAGS : ตรวจเช็คสภาพบ้านมือสอง | เช็คลิสต์ตรวจบ้านมือสอง | ซื้อบ้านมือสอง | บ้านมือสอง เชียงใหม่ | ตรวจบ้านด้วยตัวเอง | ข้อควรระวังบ้านมือสอง | วิธีตรวจบ้าน | รอยร้าวบ้าน | รับตรวจบ้าน | โครงสร้างบ้าน | ระบบไฟฟ้าบ้าน | ระบบประปา | โฉนดที่ดิน | ค่าส่วนกลางบ้าน

 

Article No. | A003011